Search for:
  • Home/
  • Sports News/
  • ชาวยูเครน ดีใจทั้งน้ำตา หลังกองทัพยึดจุดสำคัญในซาโปริซเซีย

ชาวยูเครน ดีใจทั้งน้ำตา หลังกองทัพยึดจุดสำคัญในซาโปริซเซีย

อย่างไรก็ดี ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ทางการยูเครนระบุว่าสามารถเจาะผ่านแนวตั้งรับของรัสเซียในพื้นที่แคว้นซาโปริซเซียได้แล้วและกำลังรุกคืบไปยังแนวตั้งรบที่ 2 ต่อ

ภาพที่ทางกองทัพยูเครนเปิดเผยออกมา โดยเป็นภาพขณะที่กองพลที่ 47 ของกองทัพยูเครนเข้าไปปลดปล่อยเขตโรโบตือนี ในแคว้นซาโปริซเซีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ กองพลที่ 47 ซึ่งเป็นผู้ปลดปล่อยพื้นที่นี้ระบุว่าสามารถเจาะแนวป้องกันหลายชั้นของรัสเซียได้สำเร็จ หลังจากกองพลและหน่วยอื่นๆ พยายามต่อสู้อย่างดุเดือดมานานกว่า 2 เดือนเต็ม

ยูเครนจัดแสดงซากรถถังรัสเซีย ฉลองวันชาติ

 ชาวยูเครน ดีใจทั้งน้ำตา หลังกองทัพยึดจุดสำคัญในซาโปริซเซีย

รัสเซีย สกัดโดรนยูเครนตก 3 ลำ กลางกรุงมอสโก

ด้านประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตโรโบตือนีต่างแสดงความยินดีทันทีที่ทราบว่ากองทัพยูเครนสามารถเข้าถึงและปลดปล่อยพื้นที่ของเขตนี้ได้ บางคนกล่าวทั้งน้ำตาว่ารอกองทัพยูเครนมานานแรมปี

หลายฝ่ายระบุว่าการยึดเขตโรโบตือนีคืนมาจากรัสเซียได้สำเร็จ ถือเป็นก้าวสำคัญในการทำปฏิบัติการโต้กลับของยูเครน เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ

เขตโรโบตือนีตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองโอริคีฟและเมืองโตคมัค ซึ่งตอนนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าน่าจะเป็นแนวรบหลักในการเปิดปฏิบัติการโต้กลับในแคว้นซาโปริซเซีย นอกจากนี้ เขตโรโบตือนีตั้งอยู่บนทางหลวง TO 408 ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองโตคมัคออกมาราวๆ 24 กิโลเมตรเท่านั้น เมืองโตคมัคที่อยู่ถัดออกมาจากพื้นที่ที่ยูเครนยึดได้ในวันนี้ เป็นศูนย์กลางของเส้นทางลำเลียงเสบียงทางรถไฟจากแคว้นโดเนตสก์ไปยังแคว้นไครเมียและแคว้นเคอร์ซอนตะวันออก

หากยูเครนยึดเมืองโตคมัคสำเร็จจะทำให้สามารถตัดเส้นทางการขนส่งเสบียงของรัสเซียได้ และทำให้รัสเซียต้องไปใช้เส้นทางขนส่งทางบกบริเวณที่ติดกับชายฝั่งทะเลดำแทน ซึ่งจะลำบากและมีระยะทางที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม

นอกจากนี้ การเข้าถึงเมืองโตคมัคได้จะเป็นหนึ่งในหลักประกันที่สำคัญว่ายูเครนอาจเข้าถึงเมืองเมลิโตปอล ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งกำลังทางการทหารของรัสเซียไปยังคาบสมุทรไครเมียและภูมิภาคดอนบาส ที่รัสเซียครอบครองอยู่ในขณะนี้อย่างไรก็ดี การยึดเขตโรโบตือนีเป็นเพียงก้าวแรกของการโต้กลับฤดูร้อนของยูเครนเท่านั้น

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สถาบันเพื่อการศึกษาสงครามหรือ ISW รายงานว่ากองทัพรัสเซียได้เพิ่มแนวสนามเพลาะและกับดักจำนวนมาก โดยเฉพาะที่เมืองโตคมัค เมืองเมลิโตปอล และพื้นที่เหนือคาบสมุทรไครเมีย

นี่ทำให้ยูเครนต้องเผชิญกับแนวสนามเพลาะแนวที่ 2 หรือแนวซูโรวิกินที่ 2 ของรัสเซีย เป็นขั้นต่อไปหลายฝ่ายระบุว่าการสู้รบอาจเป็นไปอย่างดุเดือดพอสมควร แม้จะมีการคาดการณ์ว่าแนวสนามเพลาะที่ 2 ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าแนวสนามเพลาะแรกที่ยูเครนฝ่ามาได้ก็ตาม แต่ก็จะทำให้การโต้กลับฤดูร้อนเป็นไปอย่างล่าช้ากว่าที่ประเมินไว้คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ขณะเดียวกัน สำนักข่าววอชิงตันโพสต์ได้รายงานเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า เอกสารลับชุดหนึ่งของสหรัฐฯ ที่ประเมินการโต้กลับฤดูร้อนของยูเครนชี้ว่า ยูเครนอาจยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดในการโต้กลับอย่างการยึดเมืองเมลิโตปอลเพื่อโดดเดี่ยวคาบสมุทรไครเมียก่อนเข้าสู่ฤดูหนาวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งนี่อาจส่งผลต่อการสนับสนุนยูเครนทั้งจากประชาชนและชาติพันธมิตร

นักวิเคราะห์บางรายระบุว่า หากยูเครนไม่ได้รับอาวุธขั้นสูง เช่น เครื่องบินรบ F-16 หรือขีปนาวุธพิสัยไกลอย่าง ATACMS ของสหรัฐฯ หรือทอรัสของเยอรมนียูเครนแทบไม่มีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์ในสนามรบเพื่อยึดพื้นที่คืนได้เลย

ฟรานซ์-สเตฟาน กาดี นักวิชาการอาวุโสของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษาเชิงยุทธศาสตร์และศูนย์ความมั่นคงอเมริกันสมัยใหม่ระบุว่า คำถามสำคัญตอนนี้คือ ระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ใครจะอ่อนล้าก่อนกันนอกจากนี้ นักวิชาการอาวุโสรายนี้ยังได้ระบุหลังการไปเยือนยูเครนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า “ทุกคนไม่ควรคาดหวังกับความสำเร็จทางการทหารว่าจะต้องเกิดขึ้นในช่วงเวลาข้ามคืน”

คำพูดดังกล่าวของฟรานซ์-สเตฟาน กาดี สอดคล้องกับบทสัมภาษณ์ของฮันนา มาลีอาร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครนที่ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ว่า การรุกคืบไม่มีคำว่าช้าหรือเร็วในมุมของยูเครน เพราะทุกสิ่งขึ้นอยู่กับโอกาส ความพร้อมและเวลา หลักการรบของยูเครนคือเดินหน้ารุกคืบต่อไปเรื่อยๆ แม้จะมีกองกำลังหรืออาวุธน้อยกว่ารัสเซียก็ตาม เพราะยูเครนเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว รัสเซียก็ยังคงมีทหารมากกว่าและอาวุธที่รุนแรงกว่ายูเครน

แม้การโต้กลับของยูเครนจะไม่รวดเร็วตามที่หลายฝ่ายคาดหวังหรือประเมินไว้ แต่ตอนนี้บรรดาชาติตะวันตกยังคงส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะช่วยเหลือยูเครนจนกว่าจะได้รับชัยชนะ สังเกตได้จากการยืนยันส่งมอบเครื่องบิน F-16 ของเดนมาร์กและเนเธอร์แลนด์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานอกจากเนเธอร์แลนด์และเดนมาร์กแล้ว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการเยอรมนีก็ได้ออกมาแสดงจุดยืนเรื่องการสนับสนุนยุทโธปกรณ์ให้แก่ยูเครนเช่นเดียวกัน

อันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ได้แถลงต่อสื่อมวลชนร่วมกับผู้แทนจากเอสโตเนีย ระบุว่า ตอนนี้เยอรมนีกำลังหารือกับพันธมิตรเพื่อจัดหาอุปกรณ์ที่จะช่วยให้ยูเครนสามารถฝ่าทุ่งระเบิดของรัสเซียในแนวรบต่างๆ ได้

นอกจากประเด็นเรื่องการจัดหายุทโธปกรณ์ให้ยูเครนแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีได้พูดถึงประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่งคือ การส่งโดรนโจมตีแผ่นดินรัสเซียของยูเครน อันนาเลนาระบุว่า ยูเครนมีสิทธิในการทำเช่นนั้น เนื่องจากเป็นการปกป้องตนเองจากการละเมิดกฎบัตรแห่งสหประชาชาติของรัสเซีย ที่มุ่งเป้าโจมตีพื้นที่พลเรือน

หลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนีระบุว่ายูเครนมีสิทธิโดยชอบธรรมในการโจมตีรัสเซียไปเมื่อวานนี้

ล่าสุดวันนี้ ทางการรัสเซียรายงานว่า ยูเครนได้ส่งโดรน 3 ลำโจมตีแผ่นดินรัสเซียอีกครั้ง แต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียสามารถสกัดโดรนทั้งหมดไว้ได้ โดรน 2 ใน 3 ลำถูกยิงตกเหนือพื้นที่ของเขตมอไซสกีและคิมกีในภูมิภาคมอสโก

ขณะที่อีกลำหนึ่งถูกก่อกวน ก่อนที่จะไปพุ่งชนกับอาคารแห่งหนึ่งที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างในพื้นที่เขตมอสโกซิตี้

ด้านเซอร์เก โซเบียนิน นายกเทศมนตรีกรุงมอสโกระบุว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวสกายนิวส์ของสหรัฐฯ รายงานว่า แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้กล่าวหลังรัสเซียถูกโจมตีด้วยโดรนในวันนี้ว่า ทางสหรัฐฯ ไม่สนับสนุนการโจมตีแผ่นดินรัสเซีย แต่ก็เป็นสิทธิของยูเครนในการตัดสินใจได้ว่าตนจะปกป้องตนเองจากการรุกรานของรัสเซียอย่างไร ขณะเดียวกัน แมทธิว มิลเลอร์ยังได้แนะนำรัสเซียว่า รัสเซียสามารถยุติสงครามนี้เมื่อใดก็ได้ เพียงแค่ถอนทหารออกจากยูเครนเท่านั้น